28 กรกฎาคม 2010 thumb 6. ศีลสยบกาย-ใจ

พระพุทธจี้กง :

ในภาวะที่จิตใจเจ้าหวาดกลัวไม่เป็นสุขนั้น ต่อให้เจ้ามีทองคำหมื่นตำลึงก็ไม่สามารถนำความสุขมาสู่ ตัวเจ้าได้ ใช่หรือไม่ ? ถึงเวลานั้นก็ร้อนรนเหมือนไฟสุม เจ้าจะปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม หรือเจ้าคิดว่า ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ พอเรื่องราวเกิดขึ้นมา เจ้าจึงพบว่าเงินทองทรัพย์สินภายนอกนี้เป็นสิ่งจอมปลอม เป็นของนอกกาย ใช่หรือไม่ ?

ดังนั้นหากสามารถกระจ่างแจ้งในของจอมปลอมเหล่านี้ ใช้รูปลักษณ์จอมปลอมเหล่านี้มาเบิกปัญญา ของเจ้า ใช้เป็นพลังในการบำเพ็ญปฏิบัติ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี บางครั้งสิ่งที่ไม่ดีก็มิได้หมายความว่าเลว มีเลว ก็มีดี มีสงครามจึงจะรู้ว่าสันติภาพเป็นสิ่งสำคัญ มีความทุกข์แล้วพวกเจ้าจึงจะรู้สึกว่าความสุขสบายนี้ล้ำค่า ฉะนั้นจึงต้อง ขัด ขัด เกลา เกลา จนถึงที่สุด เจ็บปวดจนถึงที่สุด ความกลัดกลุ้มจึงกลายเป็นโพธิ ศิษย์เอ๋ย อย่าได้กลัวความกลัดกลุ้มเหล่านี้เลย อย่าได้กลัวความทุกข์ยาก เพราะสิ่งเหล่านี้มันกำลังหล่อหลอมพวกเจ้า เพื่อให้พวกเจ้าได้รับมรรคผล ถึงเวลานี้ ศิษย์ทั้งหลายก็ควรจะไปทำความเข้าใจให้กระจ่างแจ้ง ตั้งใจปฏิบัติ สำแดงจิตแห่งความศรัทธาแท้จริงออกมา เพื่อดำเนินงานแห่งมหาธรรมจึงจะถูกต้อง

การรับธรรม แม้ว่าจะได้รับมหาธรรมอันสว่างไสวแล้ว ก็ต้องดูกันต่อไปว่าพวกเจ้าจะสามารถเดินตาม หนทางแห่งมหาธรรมอันสว่างไสว สร้างอนาคตอันงดงามได้หรือไม่ ? ดังนั้น ปัจจุบันนี้สิ่งที่พวกเจ้าต้องกระทำ ก็คือการฉุดช่วยตนเองและผู้อื่น แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นการเริ่มปลดปล่อยความกลัดกลุ้มของตนเองก่อน หากไม่สามารถขจัดความกลัดกลุ้มไปได้ เจ้าไปโปรดคนอื่นก็เป็นเรื่องจอมปลอมหลอกลวงทั้งสิ้น สิ่งที่เจ้าพูด ออกมาก็เป็นเพียงการหยิบยกคำพูดของคนดัง อริยปราชญ์มาใช้สอนสั่งผู้อื่นเท่านั้น หากสามารถกระทำแสดง ออกมาทางกายได้ จึงจะนับว่าเป็นสมบัติติดตัวเจ้าอย่างแท้จริง หากเจ้าทำไม่ได้ ต่อให้พูดดีจนประทับใจผู้อื่น นั่นก็เป็นแค่เพียงการสอนสั่งผู้อื่นเท่านั้น อีกทั้งยังมีอันตรายด้วย เช่น เจ้ามีกำลังเพียงหนึ่งส่วนแต่พูดเลยไป ถึงสามส่วน นั่นก็แสดงว่าเจ้ามีสองส่วนที่อันตราย ดังนั้นเวลาจะทำอะไรก็ต้องมีจิตใจอ่อนน้อมถ่อมตน มีความ ละอายใจ เพื่อสยบตนเองให้ได้

หลักจริยธรรมในอาณาจักรธรรมนั้นล้ำค่ายิ่ง พวกเจ้าสามารถสร้างเหตุสัมพันธ์ได้ทุกภพทุกชาติ แต่ เหตุสัมพันธ์ที่สร้างอาจจะไม่ใช่เหตุสัมพันธ์ที่ดี ดังนั้นพวกเจ้าจึงควรปฏิบัติตามหลักจริยธรรม เผยแพร่เจตนา รมณ์ และหลักจริยธรรมของอาณาจักรธรรมให้ขจรขจายออกไป เพื่อให้เป็นตัวแทนของมหาธรรมที่ล้ำค่า เข้าใจไหม ? ศิษย์เอ๋ย อย่าปล่อยให้เวลาในแต่ละวันผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ อีกทั้งมิได้มีคุณลักษณะของ เทพเทวาเลย การบำเพ็ญก็เพื่อก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งเทพเทวา จะต้องไปทำความเข้าใจ ค่อย ๆ ฝึกฝนเจริญ รอยตามอริยเมธี มิใช่ลอยไปตามกระแสสังคม วัน ๆ หนึ่งผ่านไปแล้วก็สูญเปล่า

ศิษย์เอ๋ย ปณิธานที่เจ้าตั้งต่อหน้าพระพุทธะ ก็เพื่อให้เจ้าได้มีโอกาสบำเพ็ญปฏิบัติธรรมก่อนที่จะถึง ยุคพระศรีอาริย์อุบัติขึ้นในโลก อีกทั้งเป็นการสร้างถนนเพื่ออนาคต เพื่อเป็นประจักษ์หลักฐาน ในยุคปลายกัปป์ นี้ ศิษย์ทั้งหลายสามารถสดับฟังธรรม รับธรรม นั่นเป็นเพราะเจ้าเคยบำเพ็ญสั่งสมมาแต่อดีตชาติ อย่าได้ปล่อย ปละละเลยลอยไปตามกระแสกรรม ควรจะไปทำความเข้าใจให้ดี ตั้งใจตั้งปณิธาน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องสยบใจ ยโสโอหัง หากว่าแม้กระทั่งจุดเล็ก ๆ นี้ก็ยังทำไม่ได้ การบำเพ็ญธรรมของเจ้าก็ยังคงเป็นแค่เปลือกนอก หาก ไม่สามารถขจัดใจเหล่านั้นออกไปได้ ก็จะไม่สามารถเข้าถึงความปิติแห่งการรู้ตื่นในธรรมได้ตลอดกาล

เมื่อพูดถึงการบำเพ็ญใจ พวกเจ้าก็ยังคลำหาไม่เจอ แต่ว่าภายนอกและภายในต้องรวมกันเป็นหนึ่ง ยามที่พวกเจ้ายังไม่สามารถรู้แจ้งด้วยตนเอง ก็จำเป็นต้องอาศัยศีลมาควบคุมตนเอง พอพูดถึงศีลห้า พวกเจ้า ก็รู้สึกเหมือนกับถูกผูกมัด บางทีอาจถึงขั้นไม่กล้ามาพุทธสถานเลยก็ได้ ทำเช่นนี้ก็ไม่ถูก ทำเช่นนั้นก็ไม่ได้ แล้วจะเป็นได้อย่างไร ? ผู้บำเพ็ญธรรมจะต้องระมัดระวังตนเองอยู่ตลอดเวลา อย่าปล่อยตัวตามสบายจนเลย เถิด พวกเจ้าต่างก็มีความเฉลียวฉลาด ต่างก็รู้ว่าสิ่งนี้ใช่ สิ่งนั้นไม่ใช่ พวกเจ้าคอยแต่จะให้พระพุทธะมากำ หนดกะเกณฑ์ ใช่ไหม ? พวกเจ้าต่างเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว ปล่อยตัวตามสบาย สุดท้ายก็พากันตกต่ำ ดังนั้น ในเมื่อพวกเจ้าเดินเข้าสู่เส้นทางการบำเพ็ญแล้ว ก็ต้องมาทำความเข้าใจศีลวินัย จะต้องปฏิบัติตาม ยกตัวอย่างเช่น การฆ่าตัวตายเป็นบาปไหม ? บาปอะไร ? ก็แค่ไม่กตัญญูใช่หรือไม่ ? คนเรามีสิทธิ์จะฆ่าตัว ตายหรือไม่ ? การฆ่าตัวตายเป็นการละเมิดศีลปาณาติบาตไหม ? คนเรามักจะคิดว่า ฉันไม่ได้ฆ่าคนอื่น ฉัน ไม่ได้ฆ่าเวไนย์ ไม่ได้ฆ่าสัตว์ ก็ถือว่าไม่ผิดศีลปาณาติปาตแล้ว จงรู้ไว้ว่าการฆ่าตัวตายก็เป็นการทำผิดศีล ปาณาติปาต เพราะว่า การได้กายเป็นมนุษย์เท่ากับว่ามีโอกาสใกล้จะบรรลุเป็นพระพุทธะอยู่แล้ว มีกายสังขาร จึงจะมีโอกาสบำเพ็ญบรรลุพุทธมรรค หากว่าเจ้าไม่มีกายสังขาร เจ้าก็จะห่างไกลจากความเป็นพระพุทธะ ดังนั้นในคติหก มนุษย์ภูมิเป็นภูมิที่สูงค่าที่สุด เทวภูมิ อสูรภูมิก็ไม่แน่ว่าจะสามารถบรรลุเป็นพระพุทธะได้ ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีกายสังขาร ก็จะต้องรักษาทนุถนอมมันให้ดี อีกทั้งต้องอาศัยกายปลอมนี้บำเพ็ญญาณจริง มีคนพูดว่า “ฉันไม่ได้ฆ่าคนอื่น แต่ฉันมีสิทธิ์ที่จะฆ่าตัวเอง” ผิดถนัด ! นี่ก็เท่ากับว่าทำผิดศีลปาณาติปาตแล้ว

หวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจ ศีลมีไว้เพื่อให้พวกเจ้าสามารถหลุดพ้น มิใช่เป็นการเพิ่มข้อผูกมัด ก็เหมือน กับพุทธระเบียบ พวกเจ้ารู้สึกว่าพุทธระเบียบนี้ผูกมัดมากใช่หรือไม่ ? พุทธระเบียบก็เหมือนกับศีลวินัยที่พระ พุทธะกำหนดขึ้น ศีลมีไว้ให้เก็บใจ เหมือนกับขีดเส้นกั้นไว้ หากเจ้าเลยออกนอกเส้น ก็ถือว่าทำผิดกฎแล้ว ดังนั้น ทุกคนอย่าได้คิดว่าศีลวินัยนี้คือพันธนาการ ในความเป็นจริงมันสามารถช่วยให้เจ้าไม่ต้องปล่อยตัวปล่อย ใจออกไปมากกว่านี้ จะได้ไม่ทำความผิดเพียงเพราะกิเลสในจิตใจ

คนเราจะต้องควบคุมใจของตนเอง แล้วจะควบคุมอย่างไร ? อย่าปล่อยใจไปตามกิเลส หากเจ้าปล่อย ตัวปล่อยใจไปกับความทะยานอยาก ความคิดจิตใจของเจ้าก็จะคล้อยตามความทะยานอยาก ลอยล่องไปกับ ความฟุ้งซ่าน ก็เก็บใจกลับมาไม่ได้ ศีลวินัยสามารถช่วยเก็บใจของเจ้าได้ ควบคุมการกระทำ ลดทัศนคติ และการกระทำที่ผิดพลาดให้น้อยลง บางครั้ง พวกเจ้าอาจจะมีความคิดตัดสินใจอะไรไม่เด็ดขาดไม่เที่ยงตรง ก็จำเป็นต้องอาศัยศีลวินัยนี้มาบังคับเพื่อช่วยให้พวกเจ้าไม่ต้องถลำตัวก้าวเลยเส้นที่กำหนดไว้

พวกเจ้าอยู่ในพุทธสถานต่างก็แขวนป้ายเด็กดีเอาไว้ แต่ว่าพอออกนอกพุทธสถานแล้วยังคงแขวนป้าย เด็กดีกันอีกหรือเปล่า ? หรือว่าเปลี่ยนเป็นคนละคน ไม่สามารถควบคุมจิตใจของตนเองได้ และก็ไม่สามารถ ควบคุมการกระทำของตนเองได้ ใช่หรือไม่ ? เมื่อไม่สามารถควบคุมการกระทำของตนเองได้ ก็จะทำเรื่องเหลว ไหล ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ แต่ว่าความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในจิตใจนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า ? “กรรม” ของมนุษย์นี้มาจากไหน ? ก็มาจากแต่ละความคิดนั่นแหละ ดังนั้นการจะละกรรม ละกรรมต้องเริ่มจาก ตรงไหน ? ก็ต้องเริ่มละจากใจนั่นเอง เมื่อพบเจอหนึ่งจุดก็ขจัดหนึ่งจุดนั้นไปเสีย แล้วใช้อะไรมาขจัดออก ? จะใช้ดาบจันทราของเทพกวนอูหรือพัดของพระอาจารย์ดีหล่ะ ? อึม ! ต้องใช้ปัญญานะ หากไม่มีปัญญา ก็เป็นคนโง่เขลา เลอะเลือน การบำเพ็ญธรรมก็เพื่อให้พวกเจ้าพบกับปัญญาดั้งเดิม พุทธญาณดั้งเดิม ตถาคต ดั้งเดิม เพื่อให้พวกเจ้าแต่ละคนฟื้นฟูโฉมหน้าดั้งเดิมของตนกลับคืนมา เพื่อให้พระตถาคตสถิตอยู่ในใจเจ้า ชั่วนิรันดร์

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ :

  • พระพุทธจี้กง : ศิษย์ทั้งหลายพวกเจ้ากราบไหว้พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ทุกวัน พวกเจ้ามีปณิธานยิ่งใหญ่ดั่ง พระองค์หรือไม่ ? ศิษย์เอ๋ยลองคิดดูสิว่า การบำเพ็ญต้องเริ่มลงมือจากตรงไหน ? เริ่มจากความจริงใ ...

  • พระพุทธจี้กง : มนุษย์เอ๋ย ตอนอายุยังไม่ถึงสามสิบก็นอนไม่ตื่น หลังอายุสามสิบไปแล้ว ก็นอนไม่หลับ เพราะอะไร ? เพราะว่าเครื่องพันธนาการนี้มันหนักอึ้ง คนเราไม่อยากออกบวช แต่ก็ต้องบำเพ็ญธรรม พอพูดถึง ...

  • พระพุทธจี้กง : หวังว่าเมื่อมีชั้นประชุมธรรมศิษย์ทั้งหลายจะมาเข้าร่วม หากสิ่งที่อาจารย์พูดมาทั้งหมดนี้มีสักประโยค สองประโยคที่สามารถทำให้พวกเจ้าหลุดพ้นได้หล่ะก้อ นับว่าเป็นที่น่ายินดีแล้ว ดังนั้ ...

  • พระพุทธจี้กง : ศิษย์ทั้งหลาย บารมีธรรมของพวกเจ้าในยามที่อยู่กับบ้านเป็นเช่นไร ? อาจารย์เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง พวกเจ้าหลอกอาจารย์ไม่สำเร็จหรอก ดังนั้น มนุษย์นี้ต่างก็เสแสร้งหลอกลวงกัน เวไนย์ทั้งหลา ...

  • พระพุทธจี้กง : ศิษย์เอ๋ย ! การบำเพ็ญธรรมจะต้องรู้จักคำว่า “เห็นใจ” มิใช่สักแต่ใช้ “ใจ” ไปพิจารณาอย่างเดียวเท่านั้น แล้วจะต้องใช้สิ่งใดเพื่อให้ตนรู้ตื่นเล่า? นั่นคือ “จิตญาณ” ใช่หรือไม่ ? ในร่าง ...

440 views

One Response to “6. ศีลสยบกาย-ใจ”

  1. จางหมิงเต๋อ พูดว่า:

    กราบอนุโมทนาบุญกุศลไร้ขอบเขต

Leave a Reply