ปัญญาที่เห็นคุณค่าของชีวิต

พระโพธิสัตว์อนุศาสน์  :

จิตเดิมแท้งามสดใสไร้ราคี ดังวารีใสสะอาดเห็นก้นบึ้ง อ่อนน้อมจนคนใกล้ไกลใฝ่คะนึง รู้ตื่นซึ่งชีวิตไม่หลงเวียน ดับแล้วต้องดับให้หมด ไม่เช่นนั้นจะบอกว่าธรรมะไม่มีประโยชน์ดับทุกข์ไม่ได้ใช่หรือไม่แต่เราจะดูอย่างไรถึงจะมองเรื่องราวในโลกนี้ได้อย่างชัดเจนและแจ่มชัด ใช้แต่ตาดู หูฟัง เราจะมองเรื่องราว เราจะเห็นทุกสิ่งได้ชัดเจนไหม เดี๋ยวนี้เรามักแยกไม่ออกว่า อะไรจริง อะไรเท็จอะไรเป็นของแท้ อะไรเป็นของปลอม การใช้แต่ตาดูและมือสัมผัสบางทีอาจไม่รู้แท้ แล้วมีใครพอเข้าใจไหมว่า ทำไมพุทธะสิ่งศักดิ์สทธิ์จึงบอกว่ารูปงามหรือร่างกายงามเป็นของปลอม แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในดวงใจหรือร่างกายนี้คือของจริง เรามักจะบอกว่า สิ่งที่จับต้องได้ สิ่งที่มองเห็นดังที่ได้ยินคือของจริง แต่ทำไมพุทธะสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงบอกว่านั่นแหละของปลอม ของจริงที่เป็นของแท้คือตัวตนที่อยู่ภายในใจของท่าน หรือพูดกันง่ายๆ ก็คือ พุทธจิตธรรมญาณ หรือเรียกกันตามภาษาปากที่เราพูดก็คือ “วิญญาณ” นั่นคือของแท้ ทำไมจึงกล่าวเป็นนี้ กายเรามีวันเปลี่ยนแปลงไหม แยกออกมาแล้วเป็นคนเป็นตัวตนได้ไหม แต่วิญญาณเป็นอย่างไร พุทธจิตธรรมญาณเป็นอย่างไรเราไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้จะบอกว่า ของปลอมหรือของแท้กันล่ะ แล้วสิ่งที่เราบอกว่ารู้ชัด รู้แน่จริงๆ แล้วใช่รู้แน่จริงหรือเปล่า บอกว่าวันนี้อยู่กับมือเรา เป็นของเราวันนี้ว่าเป็นของจริง แต่จริงๆ แล้วเปลี่ยนแปลงไหม เช่น เงิน ทองเกียรติยศ เปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆ แต่พุทธจิตธรรมญาณแม้จะดำหรือขาวก็ยังเป็นพุทธจิตธรรมญาณที่อยู่ในตัวเราใช่หรือไม่ เราอยู่ในโลกอย่างติดเฉพาะแค่รูปลักษณ์ภายนอก มนุษย์เรามีชีวิตมักจะสะสมกันแต่วัตถุ รูปนามใช่หรือไม่ แต่ลืมคุณค่าความแท้จริงในตัวตนเองไปทำให้มีชีวิตเพียงเพื่อสะสม มีค่าเพียงเพื่อแสวงหา อย่างนั้นเป็นชีวิตที่มีคุณค่าหรือ เป็นชีวิตที่เป็นการแสวงหาอย่างแท้จริงหรือเปล่า การแสวงหาที่แท้จริงคือการแสวงหาเพื่อความนิรันดร์ ไม่ใช่เพื่อความเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เพื่อความไม่แน่นอน เราเกิดมาเพื่อดับกิเลสและความเป็นตัวตนของตนเอง เมื่อไรเราไม่มีตัวตน เมื่อนั้นเราไม่ต้องทุกข์ เราไม่ต้องแสวงหา แต่ตอนนี้เราจะทำอย่างไรให้สามารถอยู่บนโลกโดยร่วมกับคนอื่นได้ มีชีวิตก็มองเห็นชัดเจน เป็นคนที่เผชิญปัญหาแล้วสามารถมองเห็นเรื่องเล็กๆ จนกลายเป็นยิ่งใหญ่บานปลาย เช่นนี้แล้วมนุษย์เรามักจะเห็นทุกข์ก็ต่อเมื่อทุกข์นั้นยิ่งใหญ่ แต่เมื่อไรที่เราเห็นทุกข์ตั้งแต่เล็กๆ ทุกข์ใหญ่ก็จะไม่บังเกิด เราก็จะดับได้ และทำใจได้มากกว่าใช่หรือไม่ นั่นก็คือมองภายในสู่ภายนอก มองสภาวะการณ์คืนสู่ธาตุแท้ มองเห็นปรากฏการณ์เห็นรูปลักษณ์แล้วสามารถแยกเท็จจริงได้ เมื่อไรที่เราเข้าใจว่าอันใดเท็จจริง อันใดที่เที่ยงแท้มีค่า เราย่อมสามารถจะจับและดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างถูกต้อง ใช่หรือไม่ แต่ตอนนี้เรากลับเป็นอย่างไร เท็จแท้แยกไม่ถูก ปนกันมองไม่ออกแล้วใช่หรือไม่ ฉะนั้น ตอนนี้เรารู้แล้วว่าค่าชีวิตของเรา เวลาชีวิตของเรา อย่าแลกเพียงแต่เงินทอง แต่ต้องแลกด้วยคุณค่าที่น่าจะทรงคุณค่า คุณค่าที่น่าจะเพิ่มให้สูงขึ้นใช้หรือไม่ คุณค่าของมนุษย์ก็คือการรักษาความเป็นคนให้ประเสริฐที่สุดการมีแต่เงินทอง มีความรัก มีความโลภโกรธหลง อย่างนี้เรียกว่าการประเสริฐหรือเปล่า เรียกว่าเป็นการรักษาความสูงให้สูงอยู่หรือไม่กลับยิ่งทำให้ย่ำแย่และมืดมนใช่หรือไม่ ยุคนี้เป็นการโปรดยุคสามเภทภัยมากมายธรรมะจึงลงสู่ครัวเรือนทุกคนสามารถบำเพ็ญตนขัดเกลาตนกลับคืนเบื้องบนได้ อย่ามองเห็นว่าเป็นเรื่องล้อเล่น แต่ขอให้มองเห็นถึงแก่นแท้ของความจริง ไม่ใช่มาเพื่อให้ยึดติดรูปลักษณ์อันจอมปลอม วันนี้ที่เราพูดมาก็เพื่อต้องการจะฟื้นฟูในสิ่งที่โลกขาดแคลนนั่นคือคุณธรรมอย่ามองเห็นว่าเป็นเรื่องเล่นคุณธรรมใครทำได้คนนั้นยอมสูงส่ง คุณธรรมใครมีได้รักษาได้ คนนั้นอย่างน้อยก็เรียกว่าคนดี ไม่ใช่คนพาลในคราบผู้ดี ขอให้ตั้งใจบำเพ็ญให้ดี ใครที่มีใจอยากจะศึกษาขอให้รักษาใจอันนี้ให้ดี มาทันโอกาสมาทันเวลา ย่อมดีกว่ามาไม่ทันโอกาสไม่ทันเวลา ใช่หรือไม่ เวลาเราทำอะไรแม้เราจะมาเร็วก่อนเวลา แต่สู้มาพอดีๆ เวลาไม่ได้ขอให้ลองศึกษาดูให้ดีว่าธรรมะที่ท่านกำลังศึกษาอยู่นี้ไม่ใช่ลัทธิหรือศาสนาใหม่ ไม่ใช่แค่เด็กมายืนอธิบายอะไรก็ไม่รู้ แต่ขอให้กลับไปพินิจพิจารณาให้ดี ธรรมะคือชีวิต ชีวิตคือการดำเนินตนให้เป็นคนที่ถูกที่ดีที่เจริญแล้ว แต่ถ้าเป็นแค่ความเจริญทางวัตถุ เจริญรูปเจริญนาม เจริญเกียรติยศจะมีค่าอะไร หากเขาไม่เคยช่วยเหลือคนหากเขาไม่สามารถรู้จักตน แต่ถ้าเรามีวัตถุแล้วยังช่วยคนได้ ช่วยตนได้พาเราให้พ้นทุกข์ได้ อย่างนี้มีวัตถุด้วยมีบำเพ็ญธรรมด้วย ไม่ดีกว่าหรือดำเนินชีวิตให้เป็น รู้จักควบคุมตนเองให้ถูกทาง แล้วความสำเร็จในชีวิตย่อมเกิดได้

Leave a Reply