ใช้ธรรมยั้งความโกรธ

แปดเซียนท่านหลันไฉ่เหอ :

เป็นคนพยายามสำนึกไว้ว่าพยายามดีเข้าไว้ อย่าได้ทำผิดอีก อย่าผิดซ้ำผิดซาก หากรู้ว่าทำไม่ดีแล้วทำไมยังทำ หากรู้ว่าทำแล้วจะได้ดีเป็นคนดี ทำไมไม่ทำ ทำไมเรายอมเป็นคนไม่ดี เพราะว่าคนนั้นว่าเราเราเลยยอมทิ้งความดีเป็นคนเลวเลย ยอมเอาความดีของเราไปทิ้งกับคนที่เรารับไม่ได้ ยอมเอาความอดทน ความให้อภัยไปทิ้งกับคนที่ทำให้เราโกรธ คุ้มหรือ ที่ยอมเอาสิ่งดีๆ ในใจของเรานั้นไปทิ้ง แล้วได้ความโกรธมา บางครั้งเราโกรธคนนี้แทบเป็นแทบตาย ไม่ต้องดีแล้วดีไปทำไม ไม่ต้องอดทนแล้วอดทนไปทำไม ทำไมเรายอมทิ้งสิ่งที่ดีในตัวเรากับคนที่ไม่ดีแบบนั้นเล่า หากเราคิดกลับกัน จะทิ้งไปทำไมล่ะกับคนไม่ดีอย่างนี้ เราอดทนไว้ เราอภัยไว้ เราจะไม่ยอมสูญเสียสิ่งที่ดีให้กับคนที่ไม่ดี ใช่ไหม
อยู่ในโลกต้องอยู่ด้วยความระมัดระวัง สุขุม รอบคอบ แต่คนส่วนใหญ่นั้น เหมือนเจอน้ำวิ่งลงน้ำ เจอไฟก็ท้าไฟ ทำไมจึงกล่าวเช่นนี้เพราะเวลามีเรื่องโกรธ เราก็จะโกรธทันที ไม่เคยคิดว่าโกรธแล้วจะมีผลอย่างไร เหมือนเวลาเจอน้ำก็วิ่งลงหาน้ำ โดยไม่คำนึงว่าตัวเองว่ายน้ำเป็นไหม น้ำนี้ลึกตึ้นแค่ไหน เวลาเจอไฟก็ลองเสี่ยงท้าไฟได้สำเร็จดูก่อนหรือเปล่าว่า เราควรที่จะอยากหรือเปล่า เราเหมาะที่จะรักไหมเราไม่เคยสำรวจ เราไม่เคยมองดูตัวเรา ดูเขา แล้วก็ดูเหตุการณ์ เราเจออะไร เราวิ่งชนอันนั้น ใจเราคิดอยากทำอะไร เราพุ่งไปตรงนั้น ถูกหรือไม่ แต่การศึกษาหลักธรรมนั้นสวนกัน เมื่อเราเจออะไร อยากอะไรให้หยุดมองตัวเองก่อน มีใจพอไหม มีความต้องการจริงหรือในสิ่งที่อยากจะเอา เมื่อได้มาแล้วเหมาะสมหรือเปล่า ทำให้ลำบากหรือไม่ นี่คือคนที่รู้จักใช้ธรรมเป็นไม่ใช่เจอน้ำก็ลงว่ายน้ำทั้งที่ไม่เป็นเจอไฟก็ลุยไฟอย่าเอาแต่ใจร้อน ต้องรู้จักใจเย็นและสุขุม ถึงเวลาจริงๆ เราคิดทันไหมไม่ทันใช่หรือไม่ เพราะอะไรจึงไม่ทัน เพราะขาดสติหรือ เพราะว่าเราไม่ค่อยคิดถึงธรรมจริงไหม
นอกจากจะรู้ใจของตนแล้ว ต้องรู้จักนิสัยของใจด้วย นิสัยใจคนเป็นอย่างไร อยากรู้ไหม นิสัยใจของคนง่ายๆ เมื่อจับจะอยู่ เมื่อปล่อยจะหลุด เหมือนมือเมื่อจับจะอยู่ เมื่อปล่อยจะหลุด เวลาจะเข้าจะออกไม่มีเวลาจะไปไหนไม่รู้ทาง นี่คือใจของคนใช่หรือไม่ ถ้าเราหมั่นจับอะไรสิ่งนั้นย่อมอยู่กับตัวเรา แต่ถ้าเราไม่เคยจับเลยจะอยู่ไหม เวลาเราเข้าเราออก เคยสังเกตตอนเข้าตอนออกไหม เวลาใจเราอยากไปไหน เรารู้หรือเปล่า บางครั้งไปยังไงไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้ว่าต้องไป เพราะอะไรล่ะ นี่แหละนิสัยของใจ เมื่อเราไม่รู้จักนิสัยของใจ แล้วกายเราจะรู้จักไหมว่าเป็นอย่างไร ก็ไม่รู้อีก แต่ก็ยังออกไป ไปไหนไม่รู้ไปทำไมไม่รู้ เราจะรู้จักใจให้ดีขึ้นโดยใช้ สติ โดยใช้ ธรรม ถ้ารู้จักใช้สติใช้ธรรมบ่อยๆ แม้วันนี้ไม่จับ แต่หากนับเข้าบ่อยๆ ไม่อยากให้อยู่ก็อยู่ เมื่ออยากจะปล่อยก็อยู่
ท่านว่าการเป็นคนดี การฝึกฝนบำเพ็ญธรรม เป็นผู้มีธรรม เป็นเรื่องยากไหม คงไม่ยากนักใช่หรือไม่ แต่เรามักจะได้ยินว่า มนุษย์เรานั้นเกลียดคนที่ไม่ดี ชิงชังคนที่ชั่วช้าสามานย์ แต่ใจของเราก็ยังฝืนทำไม่ดีในบางครั้ง แล้วอะไรล่ะเป็นเหตุให้เรายังทำไม่ดี ยังไม่สามารถทำดีได้ตลอดเวลา (เพราะยังตัดกิเลสไม่ได้ เพราะยังไม่มีธรรมที่มั่นคง)ปรบมือให้เขาหน่อยนะ เพราะบางครั้งยังตัดใจไม่ได้ ใช่หรือไม่ บางทีมีสติรู้ตัวแล้ว อย่าโกรธ อย่าโลภเลยไม่ดี เสื้อมีหลายตัวแล้วอย่าซื้ออีกเลยแต่ก็ยังซื้ออยู่วันยังค่ำ ทั้งๆ ที่มีเต็มตู้แล้วใช่หรือเปล่า ฉะนั้น เราจะต้องพยายามขมใจให้ใด้ เพราะคนที่รู้จักข่มรู้จักระงับ จะเป็นผู้ที่ก้าวล้ำและอยู่เหนือคนได้ และจะเป็นคนที่ไม่ปล่อยให้ความโลภ ความโกรธ ความหลง นั้นเป็นเหตุให้เกิดความผิดพลาด ท่านจะเป็นคนไม่โกรธ เลยได้ไหม ถ้าหากเห็นเขาทำผิด แต่ความโกรธนั้นจะเป็นความโกรธที่ไม่ใช้อารมณ์ โกรธรู้จักใช้เหตุผล และรู้จักชี้นำโน้มนำเขา ท่านจะไม่มีความรักเลยได้หรือ คนเราจะต้องมีความรักความเมตตาต่อผู้คน แต่รักอย่างเท่าเทียมกัน และเป็นรักที่มีเหตุผล ท่านมีความอยากหรือเปล่าไม่อยากเลยได้ไหม ท่านยังต้องอยากกิน ไม่อยากกินไม่ได้ เพราะถือเป็นการทำร้ายตัวเอง ถูกหรือไม่ ท่านพอเข้าใจธรรมที่เราพูดบ้างไหมแล้วพอรู้ไหมว่าชีวิตนี้ทำไมต้องมีธรรม พอเข้าใจไหม ทำไมต้องมีธรรมเพราะว่าจะได้ไม่เป็นคนเจอน้ำก็ลุยน้ำแบบไม่ยั้งคิด เจอไฟก็ชนไฟเป็นคนที่รู้จักเอาธรรมมาใช้ และเรียกร้องธรรมในตัวตนให้มีอยู่ในใจเสมอ เมื่อไรที่เรารู้จักเรียก เมื่อไรที่เรารู้จักใช้ ธรรมนั้นก็จะอยู่ที่ใจไม่ห่างหายไปไหน อย่างที่เราบอก นิสัยของใจก็คือ หากจับก็อยู่ หากทิ้งก็หลุด เข้าออกไม่แน่นอน ไปไหนไม่รู้ทิศทาง เมื่อท่านรู้จักใจและกายของตนเอง แล้วเดินเหินย่อมสามารถรอดปลอดภัย

Leave a Reply