หนึ่งในแปดเซียนท่านหลันไฉ่เหอ :
จะแก้ทุกข์ต้องหาที่ต้นเหตุ เหตุที่ใจเราคิด คิดอย่างไรเล่า บางคนคิดเปรียบเทียบ ทำไมเราจึงรู้ว่าตัวเองไม่มี เพราะเราไปมองเห็นคนที่มีทำไมเราจึงบอกว่าตัวเองไม่สวยไม่หล่อ เพราะเราเห็นคนที่สวยกว่าหล่อกว่า แล้วทำไมจึงทุกข์ เพราะเราไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี รับไม่ได้กับสิ่งที่ตัวเป็น ฉะนั้น จะกำจัดทุกข์ได้ นอกจากคิดให้เป็น คิดให้ได้ไม่คิดเปรียบเทียบแล้ว ยังต้องรู้จักพอ แต่มนุษย์นั้นหยุดคิดไม่เป็นจริงหรือไม่
การจะแก้ทุกข์ในเวลาที่เรารู้สึกอยากนั้น ก็คือขอให้เรารู้จักสมถะเรียบง่าย ความสมถะเรียบง่ายนั้นอยู่ใกล้สภาวธรรม แต่ความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม หลงลำพอง ถ้าในชื่อเสียงเกียรติยศ ทำให้คนเราห่างไกลสภาวธรรม เราดิ้นรนทำทุก ๆ อย่างเท่าที่แรงเราจะหาได้ แต่แล้วเราก็ขอเพียงชีวิตที่ไม่ป่วยเป็นโรคก็สุขแล้ว เวลาป่วยเป็นโรค สามี ภรรยาช่วยได้ไหม บางทีอาจจะช่วยได้ ช่วยให้เราอุ่นใจ แต่ถ้าใจเรากลุ้มใครเล่าจะช่วยผ่อนคลายเงินก็มีเต็มบ้านแฟนก็นั่งอยู่ลูกก็น่ารักเอาอกเอาใจแต่ทำไมทุกข์ในใจมันกลับไม่หาย ความทุกข์เหมือนความมืด ความสุขเหมือนความสว่าง อย่ารอให้ฟ้ามืดแล้วค่อยจุดความสว่างขึ้นในใจเราไม่รู้ว่าวันใดเราจะมืดบอด ฉะนั้น จงรู้จักจุดแสงสว่างในจิตใจด้วยคุณธรรมในเรื่องความไม่ประมาท คอยย้ำเตือนใจว่า คนเราเกิดมาต้องเจ็บ หนีความเจ็บไม่พ้น เจ็บแล้ววันหนึ่งก็ต้องตาย นั่นก็คือให้เราจุดแสงสว่างในใจอย่างหนึ่งว่า ให้รู้จักปลงบ้าง วันนี้อยู่ พรุ่งนี้อาจตายก็เป็นได้ วันนี้แข็งแรงพรุ่งนี้อาจจะเจ็บป่วย เจ็บแล้ววันหนึ่งก็ต้องตายคิดอยู่อย่างนี้ตรึกตรองอยู่อย่างนี้ เราจะได้ไม่ต้องตกใจเมื่อถึงคราวเจียนตาย เตรียมใจพร้อมไว้ก่อน แล้วเราจะยังทุกข์อะไรอีกล่ะ