หนึ่งในแปดเซียนท่านหลันไฉ่เหอ :
จะแก้ทุกข์ต้องหาที่ต้นเหตุ เหตุที่ใจเราคิด คิดอย่างไรเล่า ?…
บางคนคิดเปรียบเทียบ ทำไมเราจึงรู้ว่าตัวเองไม่มี เพราะเราไปมองเห็นคนที่มีทำไมเราจึงบอกว่าตัวเองไม่สวยไม่หล่อ เพราะเราเห็นคนที่สวยกว่าหล่อกว่า แล้วทำไมจึงทุกข์ เพราะเราไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี รับไม่ได้กับสิ่งที่ตัวเป็น
ฉะนั้น จะกำจัดทุกข์ได้ นอกจากคิดให้เป็น คิดให้ได้ไม่คิดเปรียบเทียบแล้ว ยังต้องรู้จักพอ แต่มนุษย์นั้นหยุดคิดไม่เป็นจริงหรือไม่ ?…
การจะแก้ทุกข์ในเวลาที่เรารู้สึกอยากนั้น ก็คือขอให้เรารู้จักสมถะเรียบง่าย ความสมถะเรียบง่ายนั้นอยู่ใกล้สภาวธรรม…
แต่ ความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม หลงลำพอง ถ้าในชื่อเสียงเกียรติยศ ทำให้คนเราห่างไกลสภาวธรรม เราดิ้นรนทำทุก ๆ อย่างเท่าที่แรงเราจะหาได้
แต่แล้วเราก็ขอเพียงชีวิตที่ไม่ป่วยเป็นโรคก็สุขแล้ว
เวลาป่วยเป็นโรค สามี ภรรยาช่วยได้ไหม
บางทีอาจจะช่วยได้ ช่วยให้เราอุ่นใจ…
แต่ถ้าใจเรากลุ้มใครเล่า ใครจะช่วยผ่อนคลาย เงินก็มีเต็มบ้าน แฟนก็นั่งอยู่ ลูกก็น่ารักเอาอกเอาใจ แต่ทำไมทุกข์ในใจมันกลับไม่หาย…
ความทุกข์เหมือนความมืด ความสุขเหมือนความสว่าง อย่ารอให้ฟ้ามืดแล้วค่อยจุดความสว่างขึ้นในใจเรา ไม่รู้ว่าวันใดเราจะมืดบอด…
ฉะนั้น จงรู้จักจุดแสงสว่างในจิตใจด้วยคุณธรรมในเรื่องความไม่ประมาท คอยย้ำเตือนใจว่า คนเราเกิดมาต้องเจ็บ หนีความเจ็บไม่พ้น เจ็บแล้ววันหนึ่งก็ต้องตาย นั่นก็คือให้เราจุดแสงสว่างในใจอย่างหนึ่งว่า ให้รู้จักปลงบ้าง…
วันนี้อยู่ พรุ่งนี้อาจตายก็เป็นได้ วันนี้แข็งแรงพรุ่งนี้อาจจะเจ็บป่วย เจ็บแล้ววันหนึ่งก็ต้องตายคิดอยู่อย่างนี้ตรึกตรองอยู่อย่างนี้ เราจะได้ไม่ต้องตกใจเมื่อถึงคราวเจียนตาย เตรียมใจพร้อมไว้ก่อน แล้วเราจะยังทุกข์อะไรอีกล่ะ…