พระอาจารย์จี้กง :
ความทุกข์เป็นเหมือนอะไรความทุกข์อยู่ในใจเรา ความทุกข์ กิเลสเหล่านั้นรู้จักเราดีมาก มีแต่เรานั่นแหละไม่รู้จักกิเลส แม้รู้ว่าผิดยังทำถามว่าเรารู้จักเขาหรือเขารู้จักเรา (เขารู้จักเรา) เขาติดตามได้ถูกทุกที่ หลอกล่อเราทุกอย่างให้เราเป็นคนไม่ดี เมื่อเขารู้จักเรา เราต้องรู้จักที่จะหันหน้าเข้าไปสู้ ไม่ใช่วิ่งหนี ถ้าวิ่งหนีเขาก็วิ่งตาม เขาหมดแรงหรือ ว่าเราหมดแรง(เราหมดแรง)ถ้าใครคิดจะวิ่งหนีต้องวิ่งหนีให้พ้นถ้าไม่พ้น เราก็ต้องตาย ฉะนั้นหันหน้าไปสู้ความจริง ปัญหาใดที่เข้ามาหนักบ้าง เบาบ้าง ก็หันหน้าไปเปิดประตูนั้น หินมาขวางก็ขนหินออกไปทีละก้อนสมมุติว่ากองหินสูงท่วมหัวเรา แต่เราจำเป็นต้องผ่านไปให้ได้ เราก็ต้องลงมือหยิบออกทีละก้อนๆ หมดไปก้อนหนึ่งก็เล็กลงหน่อย ในที่สุดแล้วปัญหานี้ก็หมดไป แต่มนุษย์สมัยนี้ติดความสบายแม้กระทั่งการแก้ปัญหาชีวิต คอยจะเอารถแทรกเตอร์มายกออกไป ไม่เคยคิดจะใช้วิธีธรรมดาๆ คือการที่เรายกมันออก ประตูนั้นมีกุญแจ แต่กุญแจอยู่ที่ใจของเรา กุญแจอยู่ที่ว่าเราได้เข้าใจปัญหานี้มากเท่าไร เข้าใจมากก็แก้ได้มาก เข้าใจน้อยก็แก้ได้น้อย จะเปิดประตูได้กว้างเท่าไรก็อยู่ที่เรา เมื่อเราเปิดออกไปก็ต้องใช้แรงผลัก ถ้าศิษย์พยายามแค่ครึ่งเดียวก็เปิดไปครึ่งหนึ่ง เปิดเล็กน้อยก็ไปไม่พ้น ฉะนั้น ต้องแก้ปัญหาให้ผ่านไปเลย อย่าก้าวครึ่งหนึ่งทิ้งไว้อีกครึ่งหนึ่ง ในที่สุดแล้วครึ่งหนึ่งจะกลายเป็นปัญหาที่เต็มร้อยอีก ศิษย์ก็ต้องมาแก้ใหม่อีก ชีวิตก็เป็นอย่างนี้ หมุนไปๆ เหมือนวงกลม ถามว่าหมุนแล้วเวียนหัวไหม ต้องหาทางหยุดความวนเวียนนี้ด้วยสติปัญญา ด้วยธรรม ไม่ใช่หยุดด้วยการเอามือมาขวาง เอาตัวไปขวาง ไม่หยุดหรอก อยากจะหยุดได้ต้องใช้สิ่งที่เรามีใช่ไหม