ท่านแปดเซียนเหอเซียนกู :
ความโลภ ความโกรธ ความหลง เป็นสิ่งที่ติดอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน ไม่มีใครที่ตัดมันขาดเลย ความโลภความโกรธความหลง ถ้ามีมากเกินก็เรียกว่าไม่เจียม เจ็บไม่จำ แล้วเรารู้สึกไหมว่าคนประเภทเหมือนคนที่หน้ามืดตาบอด เหมือนคนที่ทำร้ายตัวเอง เราจะเทียบให้ง่ายๆ คนที่โลภ โกรธ หลง เหมือนอะไรถ้าเทียบกับธรรมชาติ ความโกรธ เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยง เสียงมาก่อนตัวทุกที เวลาคนโมโหเสียงมาก่อนตัวไหม บางทีไม่ได้ยินเสียงก็รู้ว่าตอนนี้แม่โกรธอยู่ เสียงยังไม่มาแต่รู้เลยว่าโกรธมาแต่ไกล แล้วแม่ค่อยมาปรากฏตัว ดังนั้นเขาจึงบอกว่าความโกรธเหมือนฟ้าผ่า หรือบางคนอาจจะเปรียบความโกรธเหมือนไฟ เข้าใกล้ใครก็เป็นจุล ไหม้ไปหมด แต่ในความโกรธนั้นสามารถฝึกตัวเราได้อย่างหนึ่ง ถ้าเขาโกรธแล้วเราไม่โกรธตอบเราจะเป็นผู้ชนะที่ชนะเหนือสงครามใดๆ ในโลก เพราะเราชนะตัวเอง ช่วงที่เขาโกรธอยู่นั้นเราพยายามข่มใจไม่โกรธตอบเราจะสามารถสร้างคุณให้เขาได้ด้วยแต่ช่วงที่เขาโกรธแล้วเราโกรธตอบ เราชั่วยิ่งกว่าเขา ฉะนั้น ช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่วัดตัวเรา ว่าเราจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับว่า จะขุดตัวเองฝังลงไปหรือว่าจะฉุดตัวเองให้ตื่นขึ้น นี่คือโทษของความโกรธ และในโทษของความโกรธนั้นยังก่อให้เกิดอะไรอีกมาก โทษของความโกรธ จะก่อให้เกิดการเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักกี่กัปกี่กัลป์ถ้าเราไม่รู้จักเลิกโกรธเขาได้เพราะว่าฆ่ามาแล้วฆ่าตอบ โกรธมาแล้วโกรธตอบ ร้ายมาแล้วร้ายตอบท่านจะอยู่ในวังวนแห่งวัฏฏะไม่จบไม่สิ้น ท่านก็จะต้องติดอยู่แต่ในความโกรธนั้น แต่ความโกรธก็สามารถฝึกตัวเราได้อย่างหนึ่ง ถ้าเขาโกรธแล้วเราไม่โกรธตอบ โกรธมาเราเย็นตอบ ร้ายมาเราดีตอบอยากตัดภพตัดชาติไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดก็ต้องอย่าโกรธตอบอย่าร้ายตอบ แม้เขาจะร้ายมา โกรธมา จำไว้นะ
ต่อไป ความโลภ เหมือนอะไรในธรรมชาติ เหมือนฝนไหม ฝนตกน้อยๆ เรารู้สึกยินดี ความโลภเวลาโลภน้อยๆ โลภพอแต่เพียงรู้จักเย็นสบายใจ ทำให้เราอยู่ได้ แต่ถ้าอยากมากเกินไป อยากจนเบียดเบียนคนอื่น มักจะเกิดภัยพิบัติ สังเกตสิว่าคนที่อยากมากๆ แล้วไม่สนใจผู้อื้นก็มักจะทำร้ายคนได้เจ็บปวดเพราะความอยากจริงไหม ก็เหมือนกับฝนตกพรำๆ ตกเล็กๆ น้อยๆ มักจะทำให้โลกชุ่มชื่นใครๆ ก็สดชื่นไปด้วย แต่ถ้าตกหนักๆ ไม่มีวันหยุด อยากแบบไม่รู้จักพอ ตกทั้งคืนทั้งวัน เกิดภัยไหม เรียกว่า (ภัยพิบัติ)
สุดท้ายตอบให้ฟังหน่อย ความหลง เหมือนอะไรในธรรมชาติเหมือนหิมะ เหมือนไหม หิมะชอบตกมืดๆ ตกตอนเย็นๆ ตกแล้วทำให้มองอะไรไม่เด่นชัด แต่ดูเหมือนชัด ขาวๆ ไปหมด แล้วยิ่งถ้าเข้าไปเล่นด้วยอาจทำให้เราตายทั้งเป็นได้ สังเกตดูว่าคนที่ตายในหิมะยังดูสวยอยู่เลยจริงไหม คนที่ตายเพราะความหลงก็ยังดูสวย แต่ตายแล้วตายทั้งเป็นคิดให้ดีๆ นะเพราะว่ามนุษย์ตายเพราะความโลภ โกรธ หลงมานักต่อนักแล้ว อาจจะไม่ถึงตายแต่ก็เจ็บปางตาย ใช่หรือไม่
เราก็รู้วิธีหยุดความโกรธแล้ว ความโลภเล่าจะหยุดอย่างไรง่ายๆ แค่สองประโยคคือ พอใจในสิ่งที่มี ยินดีกับสิ่งที่ได้รับ ถ้าทำสองอย่างนี้ได้ เราจะลดความโลภได้ หรือให้รู้จัก “สมถะ” เพราะเมื่อรู้จักสมถะ ความโลภก็จะไม่ครอบงำตัวเราได้
แต่ ความหลงนี่จัดการยาก เพราะว่ามนุษย์เกิดขึ้นมาด้วยความรัก แล้วถูกหล่อเลี้ยงมาจากความรัก เราเติบโตเป็นตัวเป็นตนได้เพราะความรักของพ่อแม่ มนุษย์ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กแรกเกิดก็อยากได้ความรัก ถึงแม้พ่อจะกอดแล้ว แม่จะกอดแล้ว ลูกก็ยังร้องไห้ อยากให้กอดอีกนานๆ ยิ่งแม่กอดด้วยให้นมลูกไปด้วย ลูกก็ยิ่งนอนหลับอย่างสบายใช่ไหม แม้แต่ตอนนี้แก่แล้ว ถามจริงๆ ยังอยากได้ความรักไหม(อยาก) ถูกหล่อเลี้ยงมาด้วยความรัก แล้วก็อยากให้มีความรักนั้นฟูมฟักอยู่ แต่ผลสุดท้ายก็ต้องตาย เพราะรัก เพราะอะไรถึงตายเพราะรักเพราะท้ายที่สุดชีวิตของมนุษย์ก็ต้องพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ถูกหรือไม่เพราะรักเป็นจึงหลงได้ ถ้ารักไม่เป็นก็หลงไม่ได้ ฉะนั้น จงแยกให้ออกระหว่างรักกับหลง เมื่อรักแล้วเหมือนพ่อแม่รักลูก แต่ก็ยังรู้ว่าลูกมีอะไรดีอะไรไม่ดี แต่หลงนั้นแยกไม่ออกว่าอะไรดีอะไรไม่ดี รู้แต่เพียงว่าเขาดี เขาสวย อย่างเดียว