พระพุทธจี้กง :
สิ่งที่อาจารย์พูดมานั้น เป็นเรื่องการเกิดตายที่ขึ้นอยู่กับตนเอง ตนเองจะต้องเป็นผู้เข้าถึงการ เกิดตายนี้ คนอื่นไม่สามารถทำแทนเจ้าได้ ขอเพียงถามใจเจ้าเองว่า เจ้าได้ลงมือกระทำหรือยัง ก็จะรู้ว่าอนาคต ของเจ้าจะสามารถบรรลุเป็นพระพุทธะได้หรือไม่ ? ก็จะรู้ว่าอนาคตเจ้าสามารถบรรลุมรรคผลหรือไม่ ? พวกเจ้า อยู่ในโลกีย์ กินแอ๊ปเปิ้ลมามากมายขนานนั้นแล้ว อนาคตกลับคืนสู่เบื้องบนจะได้มรรคผลบ้างหรือเปล่า ? อันนี้ต้องถามใจที่โลเลของเจ้า ถามตัวเจ้าเองว่าเจ้าเข้าใจมหาภูติ ๔ หรือยัง ดังนั้น ศิษย์เอ๋ย หากพบเจออุปสรรค จงจำไว้ว่าจะต้องหนักแน่น อย่าบังเกิดใจโกรธเกลียด ควรจะต้องปรับคลื่นวิทยุของตนเองให้ดี แล้วจะต้องปรับ อย่างไรจึงจะไม่ให้คลื่นไฟฟ้ามารบกวนเล่า ? ศิษย์ทั้งหลายมองดูสังคมในปัจจุบันสิ ช่างสับสนวุ่นวาย จะทำอย่างไรจึงจะมีความสุข ? จะทำอย่างไรจึงจะร่มเย็น ? ก็ต้องเริ่มที่จิตใจ จิตใจต้องมีความเรียบง่าย สมถะ ติดดิน พูดมาพูดไปก็หมายถึงจุดนั้นนั่นแหละ ดังนั้นหากต้องการค้นหาโลกแห่งสันติสุข ก็ต้องเริ่มค้นหาใน จิตใจเสียก่อน โลกภายนอกขึ้น ๆ ลง ๆ และหากจิตใจของพวกเจ้ากระเพื่อมขึ้นลงตามมันไป โลกโลกีย์นี้ก็ ย่อมจะสะเทือนหวั่นไหวไม่สงบ ในยามที่โลกภายนอกขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่สงบ เจ้าก็ควรจะเข้าไปค้นหาโลกสันติ สุขในจิตใจ ก็จะทำให้สิ่งภายนอกเหล่านี้ไม่มีอิทธิพลใด ๆ เกิดขึ้นกับตัวเจ้า กาลฟ้ามาถึงช่วงปลายแล้ว สิ่งใด ต้องคิดบัญชีก็คิดไป ดีและชั่วต้องแยกออกจากกัน หินและหยกต้องแบ่งแยกออกมา ฉะนั้น ศิษย์จะต้องถาม ตนเองว่าความดีความชั่วในจิตใจของเจ้าแบ่งแยกกันหรือยัง ? ความคิดดี ความคิดชั่วของเจ้า แยกออกจาก กันหรือยัง ? เป็นความดีมากหรือความชั่วมาก ? ความดีมากก็คือพระพุทธะ ความชั่วมากก็คือมาร ในโลกมนุษย์ก็เช่นเดียวกัน เวลาที่คนดีมีมากคนชั่วมีน้อย ก็ย่อมไม่เกิดสงคราม เมื่อเสียงแห่งสันติภาพภายใน จิตใจของเจ้าเอาชนะเสียงแห่งสงครามได้ เจ้าก็จะเกิดความสมดุลย์ ว่าไปแล้วสงครามกับสันติภาพก็มาจาก ความคิดเดียวกัน สงครามภายนอกพวกเจ้าไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงมันได้ แต่ว่าอย่างน้อยศิษย์ทั้งหลาย ก็ควรจะสร้างสันติภาพขึ้นในจิตใจตน เป็นโลกแห่งสติสัมปชัญญะ ถูกต้องไหม ? จิตใจภายในของแต่ละคน ควรจะสงบร่มเย็น เกิดสันติภาพ เปี่ยมด้วยสติสัมปชัญญะ พวกเจ้าต่างก็ได้รับธรรมแล้ว แม้ว่ายังไม่ถึงขั้น พระเถระชั้นผู้ใหญ่ แต่อย่างน้อยเป็นสามเณรน้อยก็ยังดี สามเณรต้องสวดมนต์ทุกวันใช่หรือไม่ ? สวดคาถา ไร้ใจ ใช่หรือไม่ ? สามเณรน้อยเอ๋ย ควรจะเป็นเทวฑูตแห่งกาลเวลานี้ ทำโลกในใจตนให้สงบราบเรียบ สยบ ความคิดฟุ้งซ่านของพวกเจ้า อย่าให้ความคิดฟุ้งซ่านล่องลอยไปทั่ว ในโลกแห่งความวุ่นวายนี้ หากเจ้ายังมี ความคิดฟุ้งซ่านล่องลอยไปทั่ว ก็จะหาความสงบแม้ชั่วขณะจิตเดียวก็ไม่ได้ ดังนั้น หากปรารถนาอยากให้ โลกนี้เกิดความเป็นเอกภาพ ก็ต้องเริ่มจากความเป็นเอกภาพเล็ก ๆ ก่อน แล้วเอกภาพเล็ก ๆ เริ่มต้นจากไหน ? เริ่มต้นจากตนเอง ดังนั้นอาจารย์จึงหวังว่าศิษย์ทั้งหลายจะสามารถค้นหาโลกแห่งสันติภาพใบเล็กในจิตใจ ตนก่อน อย่าให้สิ่งแวดล้อมภายนอกรบกวนจนเรานั่งไม่ติด จากนั้นก็อาศัยพลังแห่งความสงบร่มเย็นนี้รวมกัน ส่งผลออกไปสู่โลกภายนอก หวังว่าศิษย์ทั้งหลายจะสามารถรักษาใจเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขานี้เอาไว้ เพื่อให้เกิดพลังแห่งความดีงาม เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงจะสามารถลดภัยสงคราม เคราะห์ภัยต่าง ๆให้น้อยลงได้ รู้ไหม ?
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ :
พระพุทธจี้กง : ศิษย์ทั้งหลาย บารมีธรรมของพวกเจ้าในยามที่อยู่กับบ้านเป็นเช่นไร ? อาจารย์เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง พวกเจ้าหลอกอาจารย์ไม่สำเร็จหรอก ดังนั้น มนุษย์นี้ต่างก็เสแสร้งหลอกลวงกัน เวไนย์ทั้งหลา ...
พระพุทธจี้กง : หวังว่าเมื่อมีชั้นประชุมธรรมศิษย์ทั้งหลายจะมาเข้าร่วม หากสิ่งที่อาจารย์พูดมาทั้งหมดนี้มีสักประโยค สองประโยคที่สามารถทำให้พวกเจ้าหลุดพ้นได้หล่ะก้อ นับว่าเป็นที่น่ายินดีแล้ว ดังนั้ ...
พระพุทธจี้กง : ศิษย์ทั้งหลายพวกเจ้ากราบไหว้พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ทุกวัน พวกเจ้ามีปณิธานยิ่งใหญ่ดั่ง พระองค์หรือไม่ ? ศิษย์เอ๋ยลองคิดดูสิว่า การบำเพ็ญต้องเริ่มลงมือจากตรงไหน ? เริ่มจากความจริงใ ...
พระพุทธจี้กง : มนุษย์เอ๋ย ตอนอายุยังไม่ถึงสามสิบก็นอนไม่ตื่น หลังอายุสามสิบไปแล้ว ก็นอนไม่หลับ เพราะอะไร ? เพราะว่าเครื่องพันธนาการนี้มันหนักอึ้ง คนเราไม่อยากออกบวช แต่ก็ต้องบำเพ็ญธรรม พอพูดถึง ...
พระพุทธจี้กง : ในภาวะที่จิตใจเจ้าหวาดกลัวไม่เป็นสุขนั้น ต่อให้เจ้ามีทองคำหมื่นตำลึงก็ไม่สามารถนำความสุขมาสู่ ตัวเจ้าได้ ใช่หรือไม่ ? ถึงเวลานั้นก็ร้อนรนเหมือนไฟสุม เจ้าจะปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม ...